การประท้วงในประเทศเบลารุส
14 พฤศจิกายน 2021การประท้วงในประเทศเบลารุส พ.ศ. 2563 การต่อต้านเผด็จการคนสุดท้ายของยุโรป
เชื่อว่าประชาชนบนโลกใบนี้ทุกคนย่อมใฝ่ฝันที่ประเทศของตัวเองนั้นจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนนั้นมีสิทธิ์มีเสียงเท่าเทียมกันทุกประการ อิสระเสรีที่จะสามารถทำอะไรได้ตามใจภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกประเทศจะได้อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบที่ใฝ่ฝัน หลายประเทศอยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่กลุ่มคนกลุ่มเดียวมีอำนาจ แต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นระบอบการปกครองที่ดีกว่าระบอบเผด็จการทหารกว่าไหนๆ เพราะอย่างน้อยระบอบคอมมิวนิสต์ก็ยังมีกฎหมายที่แข็งแกร่งในขณะที่รัฐบาลระบอบเผด็จการทหารนั้นพร้อมที่จะฉีกทุกกฎหมายเพื่อทำตามใจตัวเองแต่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดเหตุการณ์การประท้วงในประเทศเบลารุส พ.ศ. 2563 ขึ้นมา เหตุการณ์ดังกล่าวมีชื่อเล่นว่าการปฏิวัติล้มล้างแมลงสาบหรือการปฏิวัติรองเท้าแตะ เป็นการประท้วงเพื่อต่อต้านและเรียกร้องให้ประธานาธิบดีอย่างอะเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกลาออกจากตำแหน่ง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีความพยายามที่จะเคลื่อนไหวเพื่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยในเบลารุสอีกด้วย โดยการประท้วงดังกล่าวได้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีได้มีการดำรงตำแหน่งต่อในวาระที่ 6 หลังการเลือกตั้งในปี 2563 มีการเรียกประธานาธิบดีคนดังกล่าวว่าแมลงสาบและมีการเรียกใช้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดการประท้วงในประเทศเบลารุส พ.ศ. 2563 มาจากความล้มเหลวในการจัดการกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่เพียงเท่านั้นเขายังปฏิเสธว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใดจนทำให้ประชาชนรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมากและนำมาสู่การประท้วงใหญ่ในที่สุด นอกเหนือไปจากนั้นในการเลือกตั้งครั้งถัดไปยังมีผู้นำฝ่ายค้านจำนวนหลายคนที่ถูกจับกุมด้วยข้อหาต่างๆ เป็นจำนวนมากจนทำให้เขาแทบจะไม่มีคู่แข่ง การจับกุมผู้นำฝ่ายค้านทำให้ประชาชนเริ่มรู้สึกต่อต้านมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมองว่ามันเป็นการโกงการเลือกตั้งภายในประเทศและเขานั้นก็พยายามที่จะหาวิธีการที่จะได้เป็นประธานาธิบดีต่อทั้งที่นโยบายทางสังคมและเศรษฐกิจของเขานั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า กลุ่มผู้ชุมนุมนั้นต้องพบเจอกับความวุ่นวายโดยเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาก่อเหตุก่อกวนอย่างรุนแรง หากใครที่ถูกจับไปมีโอกาสที่จะถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายและมีการทรมาน โดยมีรายงานว่าผู้ต้องขังจำนวนกว่า 450 คดีถูกประพฤติอย่างไม่เหมาะสมในเรือนจำ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรายงานการข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย ตลอดระยะเวลา 6 สมัยในการเป็นประธานาธิบดีของลูเซนโก มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ต่างประเทศมองว่ายุติธรรมและเสรีก็คือครั้งแรกในปี 2537