ความคืบหน้าของนโยบายกัญชา ที่รัฐต้องแร่งมือ

ความคืบหน้าของนโยบายกัญชา ที่รัฐต้องแร่งมือ

ยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่องสำหรับเรื่องราวของ กัญชา ที่ทางรัฐบาลหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็น พืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ของไทย แต่เนื่องจากการที่ต้องทำการปลดล็อคจากรายชื่อพืชที่มีฤทธิ์สารเสพติดมาก่อนอาจจะต้องเดินเรื่องกันสักระยะ จนมีหลายคนเกิดความเข้าใจผิด เดินหน้าปลูกหวังสร้างรายได้จนอาจจะผิดกฎหมายแบบไม่รู้ตัว

จากการรายงานข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา มีการบุกจับผู้ลักลอบปลูกต้นกัญชาไว้เพื่อจำหน่ายซึ่ง ณ ตอนนี้ยังเป็นการละเมิดกฎหมายอยู่ เพราะตอนข้อระเบียบเบื้องต้นที่ทางรัฐบาลวางไว้คือการจะปลูกกัญชาในช่วงนี้นั้น สามารถปลูกได้ด้วยจุดประสงค์เดียว คือ ทางการแพทย์เท่านั้น และผู้ที่สามารถปลูกได้ ต้องเป็นการร่วมมือและกำกับดูแลของรัฐบาล ซึ่งสำหรับกรณีนี้ พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผกก.สน.ลำผักชี หัวหน้าชุดจับกุมได้ให้ข้อมูลว่าผู้ต้องหาเป็นชายสองคนอายุ 24 ปี ปัจจุบันตกงานเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ จึงต้องการหารายได้เพื่อยังชีพ จึงหันมาปลูกกัญชาภายในบริเวณคอนโดย่านงามวงศ์วานและเปิดขายของออนไลน์

โดยจำหน่ายในรูปแบบต้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการล่อซื้อจำนวน สองต้นในราคาต้นละ 350 บาท ก่อนจะเข้าจับกุมพบของกลางภายในห้องพักดังกล่าวกว่า 16 ต้น ซึ่งทางตำรวจยอมรับว่าทั้งสองคนถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกต้นกัญชาเลยก็ว่าได้ มีอุปกรณ์ครบครันรวมถึงการควบคุมอุณหภูมิความชื้นที่ทางรัฐบาลอาจจะสามารถใช้ความรู้ของพวกเขาได้ แต่ผิดก็ว่าไปตามผิดทั้งสองคนโดนตั้งข้อหาร่วมกันผลิตยาเสพติดประเภท 5 (กัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาตและถูกดำเนินคดีต่อไป

สำหรับทางรัฐบาลนำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้กำกับดูแลงานเกี่ยวกับกัญชาโดยตรงก็ได้ให้ความชัดเจนในการทำงานของภาครัฐกับนโยบายนี้ว่า ทางรัฐบาลกำลังเร่งหาช่องทางที่จะคลายล็อคกัญชาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นรูปธรรมแล้วในส่วนของการแพทย์เพราะ มีการกระจายต้นกัญชาที่ปลูกจากรัฐวิสาหกิจชุมชนได้กระจายไปยังศูนย์การแพทย์ต่าง ๆ   เพื่อนำไปผลิตยารักษาโรคแล้ว รวมไปถึงการตั้งคลินิคกัญชาเพื่อรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศไทย ซึ่งตอนนี้มีมากกว่าร้อยแห่งแล้ว ส่วนทางด้านพาณิชย์ก็จะมีเฟสที่จะนำไปผลิตเป็นน้ำมัน รวมไปถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ ผ่านการร่วมมือของเอกชนรายใหญ่ แต่ในเฟสนี้อาจจะต้องพ.ร.บยาเสพติดให้โทษนั้นแก้ไขเสร็จสมบูรณ์ก่อน และครัวเรือนต่างๆก็จะได้รายได้จากการปลูกได้เองด้วย ในระหว่างนี้ประชาชนที่เข้าใจผิดอาจจะต้องพักเรื่องการปลูกไปเสียก่อนเพราะยังถือว่าผิดกฏหมายอยู่ ถึงแม้ว่าจะขายทำรายได้ได้แต่หากถูกจับถือว่าไม่คุ้มกับการเสี่ยงในครั้งนี้เลย

Credit : Sanook

Credit : คมชัดลึก

• การประท้วงในเฮติ ความขัดแย้งทางการเมืองสู่การสังหารประธานาธิบดี
• การประท้วงในอิรัก จากปัญหาความเป็นอยู่สู่การประท้วงอย่างรุนแรง 
• การประท้วงในประเทศนิการากัว จากความล้มเหลวในการบริหาร
• การประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์ เมื่อคนผิวสีถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมจนเสียชีวิต