ความบาดหมางของจีนและไต้หวันกำลังปะทุหนักขึ้นเรื่อยๆ

ความบาดหมางของจีนและไต้หวันกำลังปะทุหนักขึ้นเรื่อยๆ

ถือว่าความบาดหมางของจีนและไต้หวัน กำลังเป็นที่จับตามองประชาคมโลก เพราะด้วยกำลังทางทหารของจีนที่ถือว่าเป็นมหาอำนาจของโลก   กำลังหารือเกี่ยวกับการโจมตียึดครองไต้หวัน หนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่ทำการค้ากับประเทศอื่นทั่วโลก จึงเหมือนกับว่าจีนกำลังทำการก่อสงครามกับประเทศที่อยู่ข้างไต้หวันไปด้วย จนทำให้เหตุการณ์นี้อาจเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งที่มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

Credit : Thaipost

  ก็ต้องยอมรับว่าทั้งสองประเทศนี้ ไม่มีทีท่าลงรอยกันมาตั้งนานแล้ว ถึงแม้ว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้นทั้งสองประเทศเปรียบเสมือนประเทศเดียวกันเพราะรากฐานทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ แทบจะเหมือนกัน 100 % แต่กลับกลายเป็นว่าประชาชนทั้งสองประเทศต่างไม่ยอมรับซึ่งกันและกันเห็นได้ชัดจากการที่จีนยื่นข้อเสนอให้กับไต้หวันเมื่อช่วงปี 1980 เพื่อรวมกันเป็นจีนแผ่นดินใหญ่และให้สิทธิไต้หวันปกครองในระบบตัวเอง คล้ายกับกรณีหมู่เกาะฮ่องกง แต่ทางไต้หวันปฏิเสธจึงเกิดความขุ่นเคืองใจกันอย่างต่อเนื่องนับแต่นั้น และในยุคหลังภายใต้การนำของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ก็มีแนวคิดเรื่องเป็นเอกราชจากจีนอย่างเปิดเผยและหันหน้าเข้าหาสหรัฐอเมริกาเพื่อขอความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของจีน ทำให้ทางรัฐบาลจีนมองว่านี่คือการหักหน้าจีน จนเป็นเหตุเกิดข่าวลือว่าจีนวางแผนที่จะยึดไต้หวันให้ได้ในช่วงไม่กี่ปีนี้ทันที ท่ามกลางการจับตาของทั่วโลกเพราะหวั่นถึงการลุกลานจนเป็นเหตุของสงครามโลกได้

Credit : Thaipost

   และดูเหมือนความขัดแย้งนี่จะเริ่มปะทุอีกครั้ง เมื่อล่าสุดทางการจีนประกาศว่าจะทำรายชื่อผู้ที่เห็นด้วยการพฤติกรรมของไต้หวัน รวมไปถึงการสนับสนุนการประกาศเอกราชของไต้หวันด้วย ซึ่งการประกาศเช่นนี้ สร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้สนับสนุนใหญ่ของไต้หวัน จนหลายฝ่ายมองว่าเจตนาของจีนจริงๆอาจจะไม่ได้ต้องการรบกับไต้หวัน แต่อาจจะเป็นการประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกากลายๆ จึงไม่แปลกใจที่ทั่วโลกจะให้ความสนใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะถ้าหากเกิดขึ้นจริงระบบเศรษฐกิจของโลกก็อาจจะได้รับผลกระทบครั้งนี้ด้วย หรือเรียกได้ว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่สามเลยก็ว่าได้ ซึ่งทางไต้หวันเองเมื่อทราบถึงความเคลื่อนไหวของจีน ก็ยังไม่มีทีท่าเคลื่อนไหวอะไรตอบโต้ เพราะมั่นใจว่าจีนคงไม่เดินหน้าโจมตีในช่วง 2-3 ปีนี้แน่ เพราะทั้งไต้หวันและจีนเองก็ต่างอยู่ในสถานะประเทศที่กำลังฟื้นฟูหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กันทั้งคู่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก็ยังหวังว่าสุดท้ายเหตุการณ์ครั้งนี้ อาจจะไม่ต้องจบด้วยความรุนแรง หากไต้หวันยอมหันหน้ามาคุยกันและเดินหน้ารวมประเทศอย่างสันติ เรื่องราวทุกอย่างก็จะจบลง

Credit : Posttoday

• การประท้วงในเฮติ ความขัดแย้งทางการเมืองสู่การสังหารประธานาธิบดี
• การประท้วงในอิรัก จากปัญหาความเป็นอยู่สู่การประท้วงอย่างรุนแรง 
• การประท้วงในประเทศนิการากัว จากความล้มเหลวในการบริหาร
• การประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์ เมื่อคนผิวสีถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมจนเสียชีวิต