นายกรัฐมนตรีหญิงสุดแก่งจากนิวซีแลนด์ เราไม่เอาผู้นำเผด็จการทหาร
13 กุมภาพันธ์ 2021นายกรัฐมนตรีหญิงสุดแก่งจากนิวซีแลนด์ เราไม่เอาผู้นำเผด็จการทหาร
ไม่รู้เหมือนกันว่าการรัฐประหารนั้นเป็นโรคติดต่อรึเปล่า เพราะจากเคสที่เห็นๆ กันอยู่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ารัฐบาลทหารในประเทศพม่า หรือเมียนม่านั้น น่าจะได้รับแรงบันดาลใจในการยึดอำนาจมาจากรัฐบาลไทยในปัจจุบันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว เพราะถ้าจะให้มองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์กันจริงๆ แล้ว กว่าที่ประเทศไทยของเราจะได้รับประชาธิปไตยแบบครึ่งๆ กลางๆ เหมือนอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ได้
จุดเริ่มต้นของมัน ก็เริ่มมาจากการพยายามปฏวัติของคนกลุ่มหนึ่ง ที่วางแผนเอาไว้อย่างแยบยล ที่จะแย่งชิงอำนาจสูงสุด ที่เป็นของพระมหากษัตริย์ของอาณาจักรสยามมาเป็นของตน แต่กล่าวอ้างว่านี่เป็นการทำเพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ให้ก้าวสู่ยุคศิวิไล ด้วยการเปลี่ยนระบบการปกครองจากระบอบที่ปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้กลายเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่เราต้องออกเสียงเลือกตั้ง เลือกคนดีมีความสามารถที่เราเชื่อใจมาปกครองประเทศในฐานะคณะทำงานในชุดของคณะรัฐมนตรี โดยมีวาระการทำงานยาวนานรอบละ 4 ปี
แต่พอให้ประชาชนเลือกคนเข้ามาบริหารเอง ตัวเลือกที่กลายมาเป็นผู้นำของประเทศกลับไม่โดนใจคนบางกลุ่ม ทำให้พวกเขาต้องกลับเข้ามายึดอำนาจ หรือทำการปฏิวัติอยู่ร่ำไป ดังที่เราจะเห็นอยู่ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทย ว่าประเทศไทยนั้นมีจำนวนครั้งในการก่อรัฐประหารสูงติดอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้
และเมื่อประเทศบ้านพ่อเมืองน้องที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเคียงคู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนานหลายร้อยปีอย่างพม่า หมือชื่อใหม่คือเมียนม่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะเห็นโมเดลความสำเร็จของรัฐบาลไทยในชุดปัจจุบัน ที่สามารถยึดอำนาจมาจากทีมบริหารเดิมได้ แถมยังสามารถสืบทอดอำนาจต่อมา จนสามารถปกครองประเทศได้อย่างยาวนานเกือบ 10 ปี งานนี้ฝั่งทหารพม่า ที่เคยปกครองประเทศ
และคุมขังนาง อองซานซูจี มาก่อน จึงเห็นควรว่าควรใช้โอกาสทองในยุคที่โควิด 19 กำลังทำให้หลายๆ ภาคส่วนสับสนอยู่นั้น ชิงลงมือยึดอำนาจแลละขังนางซูจีเอาไว้อีกครั้ง แถมยังมีการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในประเทศ เพื่อเป็นการลดการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารภายในประเทศออกไปให้สังคมภายนอกรับรู้ คล้ายกับตอนที่ในไทยตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในช่วงปราบม็อบที่มาชุมนุมกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของนานาประเทศที่พยามช่วยเหลือและอุ้มชู่พม่านั้นก็ไม่ได้ใจร้ายกับคนพม่ามากนั้น พวกเขารู้ว่าคนพม่าต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นพม่าจะยังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 จาก COVAX ต่อไป แต่นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์เลือกที่จะแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ว่าไม่ต้องการรัฐบาลทหาร เธอจึงประกาศห้ามไม่ให้กลุ่ม ผู้บริหารรัฐบาลทหารของพม่าเดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์อย่างเด็ดขาด ส่วนเงินช่วยเหลือคนพม่ากว่า 30.5 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1 พันล้านบาทนั้น ทางนิวซีแลนด์ยังไม่ตัดงบส่วนนี้ออกแต่อย่างใด