มือถือ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของพ่อแม่ในยุคดิจิตอล
23 เมษายน 2021มือถือ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของพ่อแม่ในยุคดิจิตอล
การเลี้ยงดูเด็กในสมัยนี้เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก เนื่องจากสถาบันครอบครัวของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน เป็นเพียงแค่ครอบครัวเดี่ยว ซึ่งมีเพียงแค่ พ่อ,แม่ และลูก ๆ เท่านั้น โดยเหตุผลมาจากข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง อาทิเช่น ต่างพยายามทำงานหนัก หวังหาเงินเข้ามาในครอบครัวให้มากที่สุด เพื่อสร้างฐานะที่มั่นคงระยะยาว โดยเป้าหมายสูงสุดคือต้องการให้ทุกคนคนในครอบครัวสุขสบาย
และเป้าหมายที่คนเป็นพ่อแม่มักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ อนาคตที่ดีของลูก ๆ ทุกคน แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเสียไปคือเวลาให้กับเด็ก โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุด ดังนั้น การแก้ปัญหาง่าย ๆ ในยุคนี้ คือให้ “มือถือ หรือเท็ปแลต” ให้เด็ก พร้มอมอ้างเหตุผลว่าต้องหาเงินเข้าบ้าน และเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กกวนเวลาทำงาน แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าการหยิบยื่นสิ่งนั้นให้เด็ก มีโอกาสสร้างตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิดไปในตัว
มือถือ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของพ่อแม่ในยุคดิจิตอล
โดยวิธีแก้ไขปัญหาจากการไม่มีเวลาให้กับคนในครอบครัว ในปัจจุบัน มีตัวอย่างให้เห็นกันมากมาย โดยเฉพาะการตัดสินใจซื้อมือถือให้เด็กนั่งดูในแอพพลิเคชั่นต่างๆ พร้อมทั้งมองว่าปล่อยให้เด็กอยู่กับเทคโนโลยีเหล่านั้น ย่อมจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย เพราะพวกเขาสามารถทำงานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น โดยไม่มีลูก ๆ คอยกวนใจให้เกิดความโมโหแต่ผลพวงจากการปล่อยให้เด็กอยู่กับมือถือนาน ๆ ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องสุขภาพตามมา ซึ่งเคยมีรายงานข่าวออกมาทางช่องทางสื่อหลายแขนง ถึงภัยร้ายที่ปล่อยให้เด็กนั่งดูหน้าจอต่อเนื่องว่า บางคนรุนแรงหวิดตาบอดหากเข้ารับการผ่าตัดตาไม่ทันเวลา
อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาเรื่องของเวลาของคนเป็นพ่อและแม่ในสมัย ด้วยวิธีหยิบยื่นหน้าจอสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า “มือถือ” ให้กับลูกของตัวเอง เท่ากับว่าพวกเขากำลังทำร้ายคนที่รักโดยตรง เพราะอันตรายจากการปล่อยให้เด็กใช้มือถืออย่างไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสุขภาพ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่บางคนมีปัญหาหนักกว่านั้นเมื่อถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดกระจกตาโดยด่วน ก่อนจะตาบอดไปตลอดชีวิต หลังจากจ้องมือถือนานเกินไป นอกจากนั้น มือถือยังมีโอกาสทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น และที่อันตรายมากที่สุดคือ ในอนาคตเด็กอาจจะสร้างพฤติกรรมไม่ดีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นการแสดงออกถึงความก้าวร้าว และไม่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อคนรอบข้าง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอาจจะทำให้เด็กมีพัฒนาการช้ากว่ากำหนดได้สูงอีกด้วย หรือบางคนอาจจะโชคร้ายไม่มีพัฒนาการใด ๆ เพิ่มเติมอีกเลย
ทั้งนี้พ่อแม่หลายบ้านได้รับบทเรียนราคาแพงจากการกระทำของพวกเขาเองมาแล้ว หลังจากมองว่าเวลาสามารถทดแทนด้วยสิ่งของได้ โดยสำหรับบางคนโชคดีมากเพราะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดใหม่ ทันทีที่เกิดปัญหาบางอย่างกับลูกของตัวเอง ซึ่งหลายคนเริ่มบริหารจัดการเวลาของตัวเอง เพื่อให้มีเวลาอยู่กับครอบครัว
รวมถึงมีโอกาสพาเด็ก ๆ ออกไปทำกิจกรรมรวมกันมากขึ้น เพื่อลดโอกาสให้เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับมือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดมากเกินไป อย่างไรก็ตาม มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้มีแต่โทษเท่านั้น หากคนเป็นพ่อแม่รู้จักให้คำแนะนำการใช้งานที่เหมาะสมแก่เด็ก รวมถึงสามารถแบ่งเวลาให้ลูก ๆ ได้มากพอ เพราะอุปกรณ์ดังกล่าวอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีและไวกว่าเด็กรุ่นเดียวกันได้เหมือนกัน