โรคกระดูกสันหลังเสื่อม โรคสมัยใหม่สำหรับคนทำงานนั่งออฟฟิตมากเกินไป

โรคกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นโรคประเภทหนึ่งที่ไม่ติดต่อแต่เรื้อรังเพราะเมื่อเป็นแล้ว การรักาให้หายขาดเป็นไปได้อยาก และที่สำคัญโรคกระดูกสันหลังเสื่อมนั้น ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคหรือการขสดวิตามินแร่ธาตุในร่างกายมนุษย์ แต่เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของมนุษย์เองล้วนๆ เป็นอย่างไร มีอาการและวิธีป้องกันอย่างไรนั้น ไปติดตามกัน

การเกิด โรคกระดูกสันหลังเสื่อม ในคนวัยทำงาน

โรคกระดูกสันหลังเสื่อมมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนทั่วไป โดยเฉพาะสังคมเมืองและตลอดถึงรูปแบบแฟชั่นการแต่งตัวตามสมัยนิยมต่างๆ ก็ส่งผลต่อการเกิดอาการป่วยเจ็บด้วยโรคประเภทนี้ได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดการอาการเสื่อมของกระดูกสันหลังได้แก่

• การนั่งเป็นเวลานานๆ ซึ่งมีผลให้การรับน้ำหนักของกระดูกสันหลังมีมากกว่าการยืน ทั้งนี้การยืมน้ำหนักของร่างกายยังสามารถกระจายไปยังกระดูส่วนอื่นๆ ให้รองรับน้ำหนักได้ เช่น กระดูหัวเข่า กล้ามเนื้อต้นขา เป็นต้น
• การทำแบบเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นประจำ หรือที่เรียกว่าออฟฟิตซินโดรม ก็เป็นที่มาของโรคนี้ได้ เช่น การชับรถเป็นเวลานานๆ การยืน หรือเดินนานๆ เป็นต้น
• แฟชั่นการแต่งกาย เช่นการใส่รองเท้าส้นสูง

พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่นำมาสู่อาการของโรคกระดูกสันหลังเสื่อมทั้งสิ้น หากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือมีความเสื่อมอย่างรุ่นแรงอาจนำไปสู่หมอนรองกระดูกเสื่อม และเป็นอัมพาตในที่สุดได้

อาการของโรคที่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ

โดยปกติแล้ว อาการของโรคกระดูกสันหลังเสื่อมจะแสดงอาการเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ และเป็นอาการที่คาดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวข้องกับระบบกระดูกสันหลัง เช่น ปวดตึงที่บริเวณคอไหล่ บ่า ปวขา ตึงขา ขาชา หากอาการมากขึ้นอาจจะมีอาการกระดูกเคลื่อน กระดูกทับเส้นประสาทร่วมด้วยก้ได้

การป้องกันดูแลไม่เลี่ยงโรคกระดูกสันหลังเสื่อม

1.การป้องกันโรคกระดูกสันหลังเสื่อม สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำอยู่ซ้ำๆ ในทุกวัน เช่น การใส่รองเท้าส้นสูง หากสามารถเปลี่ยนเป็นรองเท้าระดับความสูงปกติในที่ทำงานได้ก็ควรเปลี่ยน การเปลี่ยนท่านั่ง หรือเดิน เปลี่ยนอิริยาบทต่างๆ ในแต่ละวันบ้าง

2.การนั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์นานๆ ควรจะเปลี่ยนอิริยาบทและพักสายตาทุกๆ  2  ชั่วโมงนอกจากนี้แล้ว การออกกำลังกายสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 150 นาทีก็เป้นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นเพื่อให้สมองและอวัยวะต่างๆ ไม่มีการเคลื่อนไหว ใช้งานทุกส่วนของร่างกาย

3.นอกจากนี้แล้วการทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ในแต่ละมื่อให้ครบ 5 หมู่ โดยการจัดสัดส่วนของประเภทชนิดอาหารให้เหมาะสม เช่นในมื้อเช้าเน้รแป้งและโปรตีน ส่วนมือเย็นเน้นโปรตีน สำหรับมื้อกลางวันให้เน้นทุกประเภทสารอาหาร และที่สำคัญขาดไม่ได้คือต้องดื่มน้ำในปริมาณและจำนวนที่เหมาะเพื่อคุณภาพของชีวิตตัวเอง

#สุขภาพ