โรคช่องคลอดอักเสบ
22 ธันวาคม 2022โรคช่องคลอดอักเสบ
โรคช่องคลอดอักเสบ โรคที่ผู้หญิงเป็นบ่อย แต่ผู้หญิงเองก็ยังไม่รู้ แน่นอนว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีอาการตกขาว คัน มีกลิ่นบริเวณช่องคลอด แต่เมื่อมีอาการสิ่งแรกที่คำนึงถึงจะเป็นเรื่องของการทำความสะอาด ส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเพราะทำความสะอาดไม่เพียงพอ แต่ไม่ได้คำนึงถึงโรคต่าง ๆ ที่กำลังเกิด หรือกำลงัจะตามมา และในเรื่องของอาการตกขาวส่วนใหญ่จะแยกไม่ออกระหว่างตกขาวฮอร์โมนและตกขาวผิดปกติ ซึ่งคนที่มีความเสี่ยงเป็น โรค ช่องคลอดอักเสบ จะมีตกขาวที่ผิดปกติ หรือตกขาวปนเลือด แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าตกขาวที่เป็นอยู่แค่ผิดปกติ หรือเป็น โรค ช่องคลอดอักเสบ โดยสามารถตรวจสอบได้ด้วยการตรวจภายใน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่หลาย ๆ คนจะตัดสินใจตรวจในขั้นตอนนี้ แต่เป็นขั้นตอนการตรวจโรคผู้หญิงที่ง่ายและรวดเร็ว และอีกหนึ่งวิธีการตรวจโรค ช่องคลอดอักเสบจะเป็นการนำตกขาวไปตรวจสอบว่ามีแบคทีเรียที่ดีหรือไม่ดี หรือมีเชื้อราในช่องคลอดด้วยหรือไม่ และหากเกิดเป็นเชื้อราหรือแบคทีเรียแล้วมีจุดกำเนิดมาจากสิ่งใด ปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้เป็นโรค ช่องคลอดอักเสบได้มาจากการดูแลความสะอาดแบบผิดวิธี ผู้หญิงส่วนใหญ่เข้าใจว่าการสวนล้างช่องคลอดเป็นการดูแลความสะอาดที่ถูกต้อง แต่ความจริงแล้วเป็นการตัดสมดุลในช่องคลอด เป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ภาวะในช่องคลอดเกิดความผิดปกติ หรือเกิดซึ่งแบคทีเรียต่าง ๆ ตามมา รวมไปถึงการใช้แผ่นอนามัยนานเกินไป การใส่กางเกงรัดรูป และความอับชื้นที่เกิดจากการแต่งกาย และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญมาจากการทานยาแก้อักเสบหรือยาฆ่าเชื้อบ่อยครั้งด้วยเช่นกัน
อาการที่พบบ่อยในโรคผู้หญิง โรค ช่องคลอดอักเสบ
- มีอาการตกขาวผิดปกติ ในลักษณะของการตกขาวติดเชื้อ มีกลิ่นและสีที่เปลี่ยนไป เช่นสีเขียว สีเหลือง และสีเทา และมีอาการคันร่วมด้วย เกิดจากการที่แบคทีเรียในช่องคลอดไม่สมดุล ลักษณะการตกขาวที่เป็นสีเขียวอาจมาจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- มีกลิ่น คัน ระคายเคืองรุนแรงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากอาการรุนแรงควรได้รับการดูแลจากแพทย์ และวินิจฉัยอาการ การรักษาต่อไปตามความเหมาะสม
- มีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย หรืออาการคล้ายปวดประจำเดือนทั้งที่ยังไม่เป็นประจำเดือน ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
วิธีการดูแลรักษาหากเกิดโรคช่องคลอดอักเสบ โรคฮิตในผู้หญิง โรคที่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายโดยส่วนใหญ่หากอาการไม่ได้รุนแรง หรือเป็นช่วงของการเริ่มต้น สามารถดูแลรักษาได้ด้วยวิธีการรักษาความสะอาดและเข้าใจในวิธีการดูแลจุดซ่อนเร้นและช่องคลอด ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใส่ผ้าอนามัยไว้เป็นเวลานานในช่วงมีประจำเดือน เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อจากสิ่งสกปรก0
- หลีกเลี่ยงการใส่กระโปรงหรือกางเกงรัดรูป ซึ่งส่งผลให้เกิดความอับชื้นบริเวณจุซ่อนเร้นหากกางเกงรัดจนเกินไป และอาดเกิดเป็นเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียจากความเชื้นได้
- หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด และควรทำความเข้าใจในการดูแลช่องคลอดและจุดซ่อนเร้นให้มากขึ้น การสวนล้างช่องคลอดซึ่งนามาสู่การติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ไม่สมดุล วิธีการที่ถูกต้องควรล้างทำความสะอาดแต่เพียงภายนอก เนื่องจากด้านในช่องคลอดสามารถปรับสมดุลและทำความสะอาดด้วยตัวเองได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้อักเสบหรือยาฆ่าเชื้อติดต่อกันเป็นเวลานานหรือบ่อยครั้ง เนื่องจากยาฆ่าเชื้อหรือยาแก้อักเสบเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แบคทีเรียในช่องคลอดเกิดเปลี่ยนแปลงและผิดปกติได้ ควรรับประทานแต่เพียงพอในช่วงเวลาที่สมควรเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะคิดว่าการรับประทานยาฆ่าเชื้อช่วยในเรื่องของการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดี แต่ความเป็นจริงแล้วเชื้อแบคทีเรียที่ดีก็ถูกกำจัดไปด้วยเช่นกัน